เม็ดมะม่วงหิมพานต์ คือผลที่อยู่ภายในเปลือกแข็งของผลมะม่วงหิมพานต์ จะมีเมล็ดใน 1 ผล ผลลักษณะคล้ายรูปไต
หรือคล้ายนวมของนักมวย มีสีน้ำตาลปนเทา ข้างในผลมีเมล็ดคล้ายรูปไต นับเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอย่างหนึ่งด้วย
มีแมกนีเซียมสูง และแร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยในการทำงานของหัวใจ มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงาน
ช่วยป้องกันอาการหมดเรี่ยวแรงได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาโรคฟันผุ บรรเทาอาการ เสียวฟันหรือปวดฟันได้
เนื่องจากมีกรดอนาร์ดิกที่มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของโรคฟันผุได้
เป็นต้น
วิน
วิน เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มีวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ซึ่งยังคงมีอยู่โดยเฉพาะในภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดระนอง
และจังหวัดปัตตานี ซึ่งมีชุมชนที่ยังมีการผลิตเมล็ดมะม่วงหิมพานต์แบบดั้งเดิมอยู่
ได้แก่ ชุมชนปะการอและชุมชนรูสะมิแล ชุมชนปะการอเป็นชุมชนเมืองเก่าแก่
ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของตำบลสะบารัง เขตอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งวิถีชีวิตของชาวปะการอ ดำรงอยู่ด้วยอาชีพเก่าแก่ที่สร้างรายได้หลักให้กับครอบครัว
คือการเผาและตีเมล็ดมะม่วงหิมพานต์
จากคำบอกเล่าของคนในชุมชน พบว่า อาชีพนี้ทำกันมานานหลายชั่วอายุคน ในปัจจุบันพบว่า มีการประกอบอาชีพนี้น้อยลง เนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจ
สินค้ามีราคาแพงขึ้น ประกอบกับการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และเด็กรุ่นใหม่ไม่ให้ความสนใจประกอบอาชีพนี้ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้อาชีพเก่าแก่
เช่นการเผาและตีเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ สูญหายไปในอนาคต
กระบวนการผลิตเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ของชาวชุมชนปะการอในปัจจุบันกระบวนการผลิตเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ในชุมชนปะการอ
และชุมชนรูสะมิแล จังหวัดปัตตานี จะใช้วัตถุดิบ
และวัสดุอุปกรณ์หลายอย่าง คือ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบ กะทะคั่ว (บีกา) ทรายหยาบและเชื้อเพลิง
โดยมีรายละเอียดของวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการผลิตดังนี้
1.
เมล็ดดิบ หรือ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ซึ่งไม่มีการปลูกอย่างจริงจังในพื้นที่ชุมชนปะการอ
และรูสะมิแล จึงนำเข้ามาจากที่อื่นโดยมีแหล่งที่มา 2 แห่ง คือ
จังหวัดระนองเรียกว่าเมล็ดเกษตร และจากจังหวัดปัตตานี/นราธิวาส เรียกว่า เมล็ดท้องถิ่น
หากซื้อโดยตรงมีราคา 3,000-4,000 บาท และ 2,000-3,000 บาทต่อกระสอบ (100 กิโลกรัม) ตามลำดับ ซึ่งถ้าซื้อต่อจากเถ้าแก่ราคาจะแพงกว่า
3-5 บาทต่อกิโลกรัม
2.
บีกา หรือกระบะคั่วเมล็ดดิบ โดยทำจากถังน้ำมันโลหะขนาด 200 ลิตร (ตัดแบ่งออกเป็น 3 ท่อนปิดก้นกระบะด้วยแผ่นเหล็ก
เจาะรูกลมประมาณ 10-15 รู ที่ก้นกระบะ) มีลักษณะเป็นกระบะเหล็กทรงกระบอกก้นปิดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
80 เซนติเมตร สูง 30เซนติเมตร มีหูเหล็กติดอยู่ที่ขอบด้านบนของกระบะใช้ในการเผาเมล็ดดิบที่เตรียมไว้ในอดีตต้องทำบีกากันเอง
แต่ปัจจุบันมีผู้ทำจำหน่าย โดยหาซื้อได้ที่ชุมชนรูสะมิแลในราคาใบละ 100 บาท
3.
ทรายหยาบ ใช้ในการคั่วเมล็ดที่แกะเปลือกแล้วให้สุก พร้อมนำไปจำหน่ายหรือรับประทานต่อไป
โดยต้องเป็นทรายหยาบที่สะอาดนำมาจากแหลมโพธิ์แหลมตาชีหาดแฆแฆ และหาดตะโละกาโปร์ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถไปขนทรายมาเองได้ก็จะซื้อในราคากระสอบละ
100-120 บาท
4. เชื้อเพลิง
ซึ่งจะใช้ใน 2 ขั้นตอนการผลิต คือใช้ในขั้นตอนการเผาเมล็ดดิบ
และขั้นตอนการคั่วเมล็ดที่กะเทาะเปลือกแล้วด้วยทรายหยาบโดยใช้เปลือกของเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เผาแล้วซึ่งกะเทาะเอาเมล็ดออกไปแล้วเป็นเชื้อเพลิงในการเผา
เนื่องจากในเปลือกมีน้ำมันติดไฟได้เป็นอย่างดีและใช้ไม้ฟืนร่วมกับเปลือกของเมล็ดมะม่วงที่กะเทาะเมล็ดออกแล้ว
ไม้ฟืนจะซื้อในราคา 1,200บาทต่อ 1 คันรถกระบะ
ขั้นตอนการทำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ขั้นตอนของการทำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ของชุมชนปะการอ
ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การทำความสะอาด
คือการนำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบไปล้างน้ำทำความสะอาดให้ปราศจากสิ่งเจือปน โรคแมลง และคัดเมล็ดเสียทิ้ง
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมเมล็ดก่อนกะเทาะเพื่อลดปริมาณน้ำมันจากเปลือก
และทำให้เปลือกแยกตัวจากเมล็ดใน ทำให้กะเทาะง่ายขึ้น แต่เดิมใช้วิธีเผาไฟ หรือคั่ว
ซึ่งก่อให้เกิดควันที่เป็นมลภาวะและเป็นพิษต่อร่างกาย และยังต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญสูง
เพราะต้องควบคุมอุณหภูมิและเวลาให้ได้ตามกำหนด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เมล็ดเหลืองหรือไหม้วิธีที่นิยมทำเป็นการค้ามักใช้วิธีต้มเมล็ดในน้ำเดือดประมาณ
30 นาทีแล้วนำมาตากแดดประมาณ 1-2 แดด ให้เมล็ดมีความชื้นเหลือประมาณร้อยละ
9 ซึ่งเหมาะสมที่จะนำมากะเทาะต่อไป
ขั้นตอนที่ 3 การกะเทาะเมล็ด
มีทั้งการกะเทาะโดยใช้แรงงานคน คือ ผู้กะเทาะใช้ไม้หรือ
ค้อนทุบเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ให้เปลือกแตกออกมาและการกะเทาะโดยใช้เครื่องกะเทาะ
ส่วนมากนิยมกะเทาะด้วยเครื่องกะเทาะเมล็ดแบบโยกมือ เพราะราคาถูก กะเทาะง่าย และได้เมล็ดดีร้อยละ
70-80ขั้นตอนที่ 4 การอบเมล็ด หลังจากกะเทาะแล้ว เมล็ดในที่ได้ต้องเอาไปอบเพื่อให้เยื่อหุ้มเมล็ดแห้งสามารถลอกเยื่อได้ง่าย
และเป็นการลดความชื้นเมล็ดเพื่อป้องกันแมลงและเชื้อรา อาจใช้วิธีตากแดดแต่วิธีที่ทำกันโดยทั่วไป
คือ การอบด้วยความร้อนแห้งในตู้อบที่มีชั้นสำหรับวางถาดที่บรรจุเมล็ดมะม่วงหิมพานต์หลายชั้น
โดยใช้อุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซลเซียส นาน 30-45 นาทีเมล็ดจะเหลือความชื้นประมาณร้อยละ 4-5 ถ้าความชื้นต่ำกว่านี้จะทำให้เมล็ดในกรอบ
แตกหักง่าย
ขั้นตอนที่ 5 การลอกเยื่อหุ้มเมล็ด
ในปัจจุบันยังไม่มีเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงในการลอกเยื่อ จึงใช้แรงงานคน โดยการใช้มีดเล็กๆ
ขูดเยื่อออกจากเมล็ด ให้คมมีดกดลงที่ส่วนเว้า เยื่อหุ้มก็จะหลุดออก แล้วใช้ปลายมีดแคะเยื่อหุ้มส่วนที่เหลือออก
ในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นในอากาศสูงควรเก็บเมล็ดในที่ยังไม่ลอกเยื่อหุ้มไว้ในภาชนะที่สามารถป้องกันความชื้นได้ขณะทำการลอกเยื่อหุ้มเมล็ดในควรเอาเมล็ดออกมาทำทีละน้อยให้ทันกับเวลาที่เมล็ดจะดูดความชื้นเข้าไป
มิฉะนั้นเยื่อจะเหนียวติดเมล็ดใน ซึ่งจะต้องนำไปอบหรือตากแดดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องความสะอาด การแตกหักของเมล็ดในและรอยขีดขูดลอกด้วย
ขั้นตอนที่ 6 การคัดเกรด
การคัดเกรดเมล็ดในมะม่วงหิมพานต์เพื่อให้จำหน่ายได้ราคาดีขึ้นถ้าเป็นการจำหน่ายภายในประเทศจะคัดเกรดโดยแบ่งเป็นเมล็ดในประกบคู่
เมล็ดในผ่าซีก เมล็ดท่อนและเมล็ดป่นส่วนการซื้อขายเมล็ดในมะม่วงหิมพานต์เพื่อจำหน่ายต่างประเทศ
จะคัดเกรดโดยขึ้นอยู่กับขนาด สีและลักษณะของเมล็ดในเป็นสำคัญ ซึ่งตามมาตรฐานสากลของโลก
แบ่งเป็น 24 เกรด
ขั้นตอนที่ 7 การบรรจุหีบห่อ
ภาชนะบรรจุต้องป้องกันความชื้นและมอดที่จะเข้าทำลายเมล็ดเนื้อในสำหรับหีบห่อที่บรรจุขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด
ถ้าเก็บไว้ไม่นานอาจใส่ถุงพลาสติกแล้วผนึกให้แน่น ไม่ให้อากาศเข้า จะสามารถเก็บเมล็ดได้ระยะหนึ่ง
แต่ถ้าต้องการเก็บรักษานานๆ เช่น ส่งต่างประเทศ ต้องบรรจุแบบสูญญากาศ หรือปั๊มอากาศออก
แล้วนำเอาสินค้าบรรจุลงในภาชนะที่ใช้บรรจุแล้วปิดผนึกนั้นเสีย หลังจากนั้นดูดอากาศที่ตกค้างอยู่ในภาชนะออกให้หมด
แล้วอัดก๊าซไนโตรเจน หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปิดผนึกไม่ให้อากาศรั่วไหลได้เพื่อป้องกันการเติบโตของแมลงและหนอนผีเสื้อ
ตลอดจนกลิ่นหืนที่เกิดขึ้นหลังจากเก็บไว้นานๆ โดยเมล็ดที่ได้รับการบรรจุควรมีความชื้นประมาณร้อยละ
5
วินวินเม็ดมะม่วงหินมพานต์ จากเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี
เป็นสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว ประเภท อาหาร ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหิมพานต์
เมื่อปี 2554 จากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองปัตตานี และในปีเดียวกันก็ยังได้การรับรองมาตรฐานอาหารฮาลาลจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานีอีกด้วย
กลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดม่วงหิมพานต์ นายอุสมาน มะสาแม
ที่อยู่: 59/2 หมู่ 1 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง
จังหวัดปัตตานี 94000
โทรศัพท์
: 08
6285 4063, 073 313006
คุณอามีเนาะ
มะสาแม. 08-1098-1582
แฟนเพจ
เฟสบุค: วิน วิน เม็ดมะม่วงหิมพานต์ปัตตานี
****************************************
ติดตามข้อมูล SME
เกษตร ธ.ก.ส. เพิ่มเติมได้ที่
เฟสบุคแฟนเพจ “SMAEs CLUB” URL: https://m.facebook.com/smaesbaac/
เว็บไซต์ URL:
https://smaesclub.com/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น