โมเดลปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ เพิ่มมูลค่าลดปัญหาสิ่งแวดล้อม



ในปี 2554 ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสถาบันเกษตรกรให้เกษตรกรรายย่อยได้รวมตัวกันเป็นสถาบันเกษตรกร ดังตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จคือ สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด จังหวัดชุมพร เดิมขอสนับสนุนสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. เพื่อให้เงินกู้แก่สมาชิกชาวสวนปาล์ม ในการทำสวนปาล์มและรวบรวมทลายปาล์ม ในช่วงหลังสหกรณ์เริ่มมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ธ.ก.ส. จึงได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพิ่มเติมวงเงิน 375 ล้านบาท โดยสหกรณ์ได้รับซื้อปาล์มน้ำมันจากสมาชิกเพื่อเข้าสู่กระบวนการสกัดเป็นน้ำมันปาล์ม ทำให้สหกรณ์สามารถทำกำไรได้มากกว่า 50 ล้านบาท และในช่วงปลายปี พ.ศ. 2555 ธ.ก.ส. ได้อนุมัติสินเชื่อให้สหกรณ์เพิ่มเติมอีก 150 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ โดยการนำน้ำเสียที่ออกมาจากกระบวนการบีบปาล์มน้ำมัน นำไปหมักให้ได้ มาซึ่งแก๊สชีวภาพ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้า สามารถใช้ประโยชน์ภายในโรงงานและส่วนที่เหลือสามารถจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีกด้วย จึงเป็นการสนับสนุนระบบการผลิตทางการเกษตรให้ปลอดวัสดุเหลือใช้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มของเกษตรกรรายย่อยผ่านกระบวนการสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จสูงมาก
 

อัตลักษณ์(เอกลักษณ์)/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ เสนอใช้สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด จ.ชุมพร เป็นโมเดลแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ  ซึ่งสหกรณ์ได้ส่งเสริมให้ใช้ปาล์มพันธุ์ดี เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 23-25% ไปส่งเสริมให้เกษตรกร แต่เมื่อตัดไปขายก็จะได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันเฉลี่ยเพียงแค่ 17% ทั้งนี้ สาเหตุมาจากระบบการจัดการเก็บปาล์มทั้งสุกแก่อ่อนมาปนกัน ระยะทางขนส่งไกล เกษตรกรจึงขายผ่านนายหน้าที่รับซื้อแล้วเอาไปกองรวมกันที่ลานเท ผลผลิตส่งเข้าโรงงานไม่ทันภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อสกัดน้ำมัน เปอร์เซ็นต์ที่ได้จึงต่ำคุณภาพน้ำมันด้อยลง  จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นที่มาในการบริหารจัดการเรื่องของการคัดเลือกผลผลิตที่มีคุณภาพสม่ำเสมอและกระบวนการขนส่งระยะใกล้ในชุมชนทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเปอร์เซนต์น้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น 

ดังนั้น สมาชิกหันมาส่งผลผลิตป้อนเข้าโรงงาน นอกจากช่วยแก้ปัญหาระยะทางการขนส่ง การถูกกดราคาหมดไป และเมื่อมีระบบจัดการที่ดี มีการจัดคิวส่งผลผลิตป้อนโรงงาน ช่วยให้ชาวสวนไม่ต้องเร่งตัดปาล์มอ่อน เลือกตัดเอาปาล์มที่มีคุณภาพ เหมาะแก่การนำมาสกัดน้ำมัน ถึงจะมีผลผลิตแค่ 10-20 ทะลาย ก็เอามาส่งเข้าโรงงานได้ ช่วยให้ไม่ต้องเสียค่าลานเท แถมยังได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันเฉลี่ยที่ 19.5% ต่างจากเดิมที่เคยได้ 17%

ในกระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มก็มีกากของเสีย และน้ำเสียออกมาจากโรงงาน  ต่อมาสหกรณ์จึงได้ลดปัญหาของเสียดังกล่าว  โดยนำของเสียเหล่านั้นมาใช้ในกระบวนการสร้าง  ไบโอแก๊ส  และจัดตั้งเป็นโรงไฟฟ้าไบโอแก๊สขนาด 2  เมกกะวัตต์/ชั่วโมงขึ้นมาตั้งแต่ปี 2556    เป็นต้นมา

ไบโอแก๊สหรือก๊าซชีวภาพ  เป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งที่มีการคิดค้นและค้นคว้าวิจัยเพื่อการใช้งานพลังงานทดแทนแทนการใช้พลังงานที่ใช้แล้วหมดไปอย่างเช่น  ถ่านหิน ปิโตรเลียม ฯลฯ  ซึ่งในระดับครัวเรือนเราสามารถใช้มูลสัตว์  รวมส่งเศษอาหารมาหมักในถังระบบปิดที่ไม่ให้อากาศเข้าและใช้ประโยชน์จากก๊าซมีเทนที่เกิดจากการหมักหมมเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการเผาไหม้และหุงต้มอาหารได้  ซึ่งเป็นการประหยัดรายจ่ายในเรื่องของการซื้อเชื้อเพลิง   แต่ในระดับภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมโรงงาน  ได้มีการใช้แก๊สชีวภาพหรือไบโอก๊าซในการ ผลิตไฟฟ้า  โรงไฟฟ้าไบโอแก๊ซ ถือกำเนิดขึ้นในไทยได้ระยะหนึ่ง  แต่ในต่างประเทศนั้นได้มีการใช้ โรงไฟฟ้าไบโอแก๊สมาพอสมควรแล้ว

ขั้นตอนของกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากไบโอแก๊ส  เริ่มต้นจากการหมัก สิ่งปฏิกูลต่างๆเป็นเวลา 10 ถึง 15 วัน ซึ่งต่อมาสิ่งที่หมักในบ่อจะเกิดปฏิกิริยากับแบคทีเรีย และเกิดแก๊ซในที่สุด  ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของแก๊สมีเทน 70%  จากนั้นจึงนำแก๊ซที่ถ้าจากการหมักหมม  ป้อนเข้าเครื่องผลิตไฟฟ้า   และ ทำการดักแยกแก๊สไม่พึงประสงค์  อย่างเช่น  ไฮโดรเจนซัลไฟด์ออก ซึ่งเชื้อเพลิงที่ได้ จะนำไปปั่นไดนาโมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาปริมาณตามขนาดของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอีกที

ความสัมพันธ์กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม
สหกรณ์ได้นำปฏิกูลน้ำเสียจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบมาผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 2 เมกะวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งเกิดจากแนวความคิดเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเสียจากกระบวนการผลิตปาล์มน้ำมันไม่ให้เกิดมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยประยุกต์นำก๊าซชีวภาพที่ได้จากการบำบัดน้ำเสียมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายให้แก่ระบบสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกากตะกอนที่ออกจากกระบวนการบำบัดสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยทางการเกษตรได้ ถือเป็นการช่วยลดการพึ่งพาการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาแพง อีกทั้งสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย



สนใจติดต่อสอบถามหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ที่อยู่: สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด 50 ม.13 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร 86140
โทรศัพท์: 077-622-062 ต่อ 110-111
ฝ่ายวิชาการและส่งเสริมการเกษตร
      นายสุภัทรดิศ เผ่าวิหค หัวหน้าฝ่ายฯ โทรศัพท์ 086-2807900
      นางสาวจิรวรรณ มิ่งเมือง เจ้าหน้าที่ชั้นสาม 086-2741204
      นางดลชนก แท่งทอง เจ้าหน้าที่ชั้นสอง 093-3578236

ความคิดเห็น