คุณสุรพงษ์ ณรงค์น้อย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน้อยฟู้ด
เจ้าของสวนและรับซื้อทุเรียนเพื่อแปรรูป ในจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียง แบรนด์
“ชายน้อย” ผู้ปั้นนวัตกรรมผลไม้แปรรูป 4 ตัวที่เก็บได้นานและเพิ่มมูลค่ามากกว่าการขายสด
คือ ทุเรียนทอด กล้วยเล็บมือนาง กล้วยหอมทองอบเนย และแครกเกอร์ทุเรียน ซึ่งเจาะลูกค้าทุกกลุ่ม
ทั้งแมสและนิช ในรูปแบบรับจ้างผลิตแบบโออีเอ็ม และทำแบรนด์ส่งออก
หากขายสดโดนกดราคาจากก.ก.ละ40 บาท เหลือก.ก.ละ 20 บาท ก็ไม่ต้องทนไปแข่งขายสด
จับทุเรียนมาสไลด์แผ่นแปรรูปขายเป็นทุเรียนทอด ทำราคาได้สูงกว่าเดิมถึง 50% เป็นอย่างต่ำ
โดยใช้ชื่อแบรนด์ที่คนในจังหวัดรู้จักยี่ห้อดีกว่า "ชายน้อย"
“นี่คือแนวทางการพัฒนา 4.0 ขายให้ได้มากกว่าขายเป็นลูกๆ จากหนึ่งตันได้
50,000 บาท เมื่อแปรรูปอาจจะขึ้นไปถึงหลักแสนได้”
จึงเกิดการรวมกลุ่มรับซื้อทุเรียนจากชาวสวนในจ.ชุมพร มาแปรรูป
เป็นทุเรียนทอด ในชื่อ”วิสาหกิจชุมชนบ้านทุเรียนชายน้อย”
เข้ามาบริหารจัดการรวมกลุ่มรับซื้อวัตถุดิบ มาผลิตตลาดหลักของทุเรียนทอดชายน้อย
คือร้านรับซื้อของฝากในจังหวัด และใกล้เคียง ค่อยๆ ขยายไปภาคอื่นๆ ยอดขาย ไต่จากหลักแสนเป็นหลักล้านบาทต่อเดือน
ทุเรียนทอดเมืองชุมพร
"ชายน้อยอีซี่" โตเงียบ ยอดขายเฉียด 100 ล้าน
มุ่งเปิดตลาดอาเซียน เร่งพัฒนาโปรดักต์ใหม่แปรรูปเป็นแครกเกอร์ทุเรียน เตรียมเพิ่มกล้วยเล็บมือนางอบเนยสู่ตลาดต่างประเทศ
มั่นใจจุดแข็งชุมพรเป็นแหล่งรับซื้อทุเรียนใหญ่ที่สุดในประเทศ
นายสุรพงษ์ ณรงค์น้อย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน้อยฟู้ด
จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายทุเรียนทอดแบรนด์ชายน้อยอีซี่ ซึ่งมีฐานผลิตใหญ่อยู่ที่จังหวัดชุมพร
เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัจจุบันบริษัทมีโรงงาน 2 แห่ง คือ โรงงานผลิตแครกเกอร์ทุเรียน กล้วยเล็บมือนาง และอื่น ๆ ส่วนอีกโรงงานเพิ่งเปิดใช้เมื่อ
2 เดือนที่ผ่านมา บนเนื้อที่ 200 ตารางวา
มูลค่า 1 ล้านบาท ที่ ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว เป็นโรงงานทุเรียนทอด
อีกทั้งมีเครือข่ายผู้ผลิตโอท็อปในจังหวัด 4 ราย ที่บริษัทได้ซื้ออุปกรณ์/วัตถุดิบให้
และจ้างผลิตทุเรียนทอด โดยราคาทุเรียนทอดเฉลี่ยอยู่ที่ 90 บาท/กิโลกรัม
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
บริษัทได้เปลี่ยนจากการจำหน่ายทุเรียนผลสดมาเป็นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทุเรียนทอด
เพื่อเพิ่มมูลค่าหลังจากประสบปัญหาราคาทุเรียนตกต่ำมากในปี 2544 โดยมีปริมาณทุเรียนเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก ทำให้เกิดภาวะล้นตลาด ราคาทุเรียนลดลงเหลือเพียง
4-5 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หลังจากนั้นปี 2546 จึงเข้าร่วมการคัดสรรสินค้าโอท็อป โดยได้ระดับ 4 ดาว
ต่อมาก็มีการพัฒนาและปรังปรุงจนได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. และฮาลาล รวมทั้งจดทะเบียนในชื่อบริษัท
ชายน้อยฟู้ด จำกัด และนำสินค้าไปจำหน่ายในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตทุกสาขาทั่วประเทศ
และได้ร่วมกับเซเว่นอีเลฟเว่น วางจำหน่ายสินค้าทุเรียนทอด 3 ไซซ์
และกล้วยเล็บมือนางอบแห้ง
"ทุเรียนที่มีขนาดใหญ่จัมโบ้ 7 กิโลกรัมขึ้นไป จะนำไปแปรรูปเป็นทุเรียนทอด
ส่วนที่ตกเกรด น้ำหนักต่ำกว่า 3 กิโลกรัม จะนำมาทำเป็นแครกเกอร์ทุเรียน
ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าได้อีก ซึ่งปี 2558 ที่ผ่านมา ใช้ทุเรียนกว่า
1,000 ตัน ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 70
คน"
ตลาดรับซื้อและจำหน่ายผลผลิต
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ปัจจุบันมีช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านค้าภายในจังหวัดชุมพร
และใกล้เคียง ได้แก่ ภูเก็ต เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี กระบี่ พัทลุง กาญจนบุรี
และราชบุรี รวมไปถึงกลุ่มโมเดิร์นเทรด เช่น เทสโก้ โลตัส เดอะมอลล์ เลมอนฟาร์ม โกลเด้นเพลส
เซเว่นอีเลฟเว่น ดอยคำ และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2558 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 70 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากทุเรียนทอด
40% แครกเกอร์ทุเรียน 40% กล้วยเล็บมือนางอบและอื่น
ๆ 20% นอกจากจำหน่ายในประเทศแล้ว ยังส่งออกไปจีน เมียนมา ออสเตรเลีย
มาเลเซีย และสิงคโปร์ อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการตลาดด้วยการออกบูทตามงานต่าง ๆ เช่น
THAIFEX-World of Food Asia งานโอท็อป ขณะที่รายได้มาจากการจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น
40% โมเดิร์นเทรด 30% และร้านขายของฝาก
20% และส่งออก 10%
สำหรับการส่งออกไปยุโรปนั้น อยู่ในขั้นตอนการขอใบรับรอง และเปลี่ยนแครกเกอร์จากข้าวสาลีเป็นวัตถุดิบชนิดอื่น
เนื่องจากยุโรปมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องภูมิแพ้จากข้าวสาลี ขณะที่ปี 2559 นี้ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาท ซึ่งยังเหลือเวลาอีก
5 เดือน จะเร่งทำรายได้อีก 30-40 ล้านบาท
และในปี 2560 ตั้งเป้าจำหน่ายทุเรียนทอดเพิ่มเป็น 50% และแครกเกอร์ 50%
ขณะเดียวกันเตรียมเจาะตลาดอาเซียนมากขึ้น โดยจะเริ่มที่ลาวและกัมพูชาก่อน
และจะเพิ่มกล้วยอบเนยในสินค้าส่งออกด้วย แต่จะมีการปรับราคาให้ถูกลง ซึ่งจะมี 2 ราคา คือ 15 และ 20 บาท อีกทั้งจะออกบูทตามงานต่าง
ๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มกลุ่มลูกค้า
อย่างไรก็ตาม
ปีนี้ประสบปัญหาวัตถุดิบไม่เพียงพอ ทั้งทุเรียนและกล้วยเล็บมือนาง เนื่องจากปัญหาภัยแล้งและฝนตกหนัก
สร้างความเสียหายอย่างมาก ทำให้ราคาทุเรียนสูงขึ้น จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 35 บาท/กก. เป็น 55-60 บาท/กก. จึงจำเป็นต้องปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้น
30% ซึ่งฤดูการผลิตทุเรียนในภาคใต้จะต่อเนื่อง 8 เดือน แต่ในภาคตะวันออกมีเพียง 4 เดือน โดยชุมพรเป็นแหล่งรับซื้อทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
แม้ว่าจันทบุรีจะมีปริมาณทุเรียนออกสู่ตลาดมากที่สุด แต่หากรวมผลผลิตทั้งภาคใต้แล้ว
ภาคใต้จะมีปริมาณทุเรียนมากกว่าจันทบุรี 2 เท่า
"จากสถานการณ์วัตถุดิบที่มีไม่เพียงพอนั้น จริง ๆ แล้วปริมาณลดลงแค่ 10% แต่ส่งออกจีนมากขึ้นเท่านั้น จึงทำให้ดูเหมือนว่าปริมาณในประเทศลดลง และเริ่มเห็นสัญญาณจีนกดราคารับซื้อจากเกษตรกรหน้าสวน
จาก 100 บาท/กก. เหลือ 50 บาท/กก. โดยอ้างเหตุผลว่าตลาดตายและตลาดเต็ม"
นายสุรพงษ์กล่าว
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท
ชายน้อยฟู้ดส์ จำกัด
19/1
หมู่ที่ 4 ตำบลทะเลทรัพย์ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร 86160
ติดต่อ
: คุณสุรพงษ์ ณรงค์น้อย
โทร
: 081-7872349,
077-655095
****************************************
ติดตามข้อมูล
SME
เกษตร ธ.ก.ส. เพิ่มเติมได้ที่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น